รวยอื้อซ่า สโมสรฟุตบอลที่ขายนักเตะรับทรัพย์มากสุด 10 อันดับโลก
ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา วงการฟุตบอลลีกยุโรป มีนักเตะย้ายทีมกันทุกปี มากบ้างน้อยบ้างลดหลั่นกันไป และจากการเก็บข้อมูล ก็พอสรุปได้ว่า 10 สโมสรที่ขายนักเตะออกไป และได้เงินค่าตัวมากที่สุดมีดังนี้…
10. ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) 691.47 ล้านปอนด์ โดยนักเตะตัวหลักที่ขายได้เงินก้อนโตคงหนีไม่พ้น ฟิลิปเป คูตินโญ, หลุยส์ ซัวเรซ, เฟร์นันโด ตอร์เรส และอีกหลายคน
9. ปอร์โต (โปรตุเกส) 717.03 ล้านปอนด์ เป็นอีกหนึ่งสโมสรที่ขายนักเตะออกมากที่สุด เพราะใครเล่นดีจะถูกทีมยักษ์ใหญ่ทุ่มเงินซื้อไป อาทิ เอเดอร์ มิลิตาโน, ราดาเมล ฟัลเกา, แจ็คสัน มาร์ติเนซ และ ลิซานโดร โลเปซ เป็นต้น
8. เรอัล มาดริด (สเปน) 731.21 ล้านปอนด์ หนึ่งในนักเตะที่ขายไปแล้วได้เงินเยอะที่สุดคงหนีไม่พ้น คริสเตียโน โรนัลโด รวมไปถึงนักเตะรายอื่นๆ
7. โรมา (อิตาลี) 745.34 ล้านปอนด์ นักเตะตัวหลักที่ทำเงินให้กับสโมสรมากที่สุดคงหนีไม่พ้น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ อลิสสัน เบคเกอร์ รวมทั้ง คอสตาส มาโนลาส และ สเตฟาน เอล ชาราวี
6. บาร์เซโลนา (สเปน) 748.89 ล้านปอนด์ นอกจากจะซื้อเยอะแล้ว สโมสรแห่งนี้ก็ขายออกด้วยนะ โดยเฉพาะ เนย์มาร์ คนเดียวก็รับทรัพย์มหาศาลแล้ว ยังไม่รวม เซส ฟาเบรกาส, อเล็กซิส ซานเชซ หรือ แยสเปอร์ ซิลเลสเซน อีกด้วย
5. ยูเวนตุส (อิตาลี) 806.72 ล้านปอนด์ เป็นสโมสรที่ชอบเซ็นนักเตะแบบไร้ค่าตัวมาร่วมทีม แต่พอจะขายก็มักจะได้ราคาดีๆ หลายคน หนึ่งในนั้นคือ พอล ป็อกบา ที่ทำเงินได้มากโข
4. เชลซี (อังกฤษ) 820.24 ล้านปอนด์ มักจะขายนักเตะออกไปแล้วได้ราคาสูงกว่าตอนซื้อเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น เอเดน อาซาร์ด, ดีเอโก คอสตา, ออสการ์, โรเมลู ลูกากู และ ติโบต์ กูร์ตัวส์
3. แอตเลติโก มาดริด (สเปน) 878.4 ล้านปอนด์ เป็นอีกสโมสรที่ขายนักเตะแล้วได้ราคาสูงลิบ อาทิ อองตวน กรีซมันน์, ราดาเมล ฟัลเกา, เซร์คิโอ อเกวโร, ดีเอโก คอสตา รวมทั้ง เฟร์นันโด ตอร์เรส
2. โมนาโก (ฝรั่งเศส) 894.1 ล้านปอนด์ เป็นสโมสรเดียวของฝรั่งเศส ที่ร่ำรวยจากขายนักเตะ ไม่ว่าจะเป็น คีเลียน เอ็มบัปเป, ฮาเมส โรดริเกซ, โธมัส เลอมาร์ และ อองตวน มาร์เชียล
1. เบนฟิกา (โปรตุเกส) 909.9 ล้านปอนด์ เป็นสโมสรที่ขายนักเตะแล้วรับทรัพย์มากที่สุดในยุโรป หรืออาจจะมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ เพราะแค่ เจา เฟลิกซ์ คนเดียว ก็ได้เกินล้านปอนด์แล้ว ยังไม่รวม เอเดอร์สัน, อักเซล วิตเซล, ราอูล คิเมเนซ, เนลสัน เซเมโด และ วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์