เรือใบล่า 4 แชมป์
ไม่มีพลิกล็อกสำหรับศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบ 8 ทีมนัดสองเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่แพ้เรอัล มาดริด มา 1-3 ได้กลับมาเล่นในบ้านก็ไม่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้ก็ทำได้แค่เสมอ “ราชันชุดขาว” 0-0 เท่านั้น ทำให้รวมผลสองนัด เรอัล มาดริด ผ่านเข้ารอบด้วยสกอร์รวม 3-1
โดย “ชุดขาว” ผ่านเข้าไปดวลกับเชลซี ในรอบตัดเชือก โดยเรอัล มาดริด จะได้เล่นในบ้านก่อน ส่วนเลกสองจะกลับไปเล่นในสแตมฟอร์ด บริดจ์ ของ “สิงห์บลู”
ส่วนอีกคู่ ดอร์ทมุนด์ พบกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็เกือบพลิกล็อก โดยเกมแรก แมนฯ ซิตี้ ชนะมาก่อน 2-1 ทำให้นัดนี้ “เสือเหลือง” แค่ยิง 1-0 ก็จะพลิกเข้ารอบทันที
โดยเริ่มเกมแค่ 15 นาที จูด เบลลิงแฮม มิดฟิลด์เลือดผู้ดีวัย 17 ปี ก็โชว์ทักษะอันยอดเยี่ยมยิงให้ “เสือเหลือง” ขึ้นนำไปก่อน 1-0 และถ้าจบด้วยสกอร์นี้ทีมแกร่งจากบุนเดสลีกาก็จะเข้ารอบทันที
ซึ่งบอกตรงๆดอร์ทมุนด์เล่นได้ดีมากหลังจากขึ้นนำ “เรือใบสีฟ้า” หาช่องเจาะไม่ค่อยได้เท่าไร
แต่เกมก็มาพลิกตรงนาทีที่ 55 แมนฯ ซิตี้ มาได้จุดโทษนาทีที่ 55 ก่อนริยาด มาห์เรซ จะยิงไม่พลาด “เรือใบ” ตีเสมอ 1-1 เมื่อขึ้นนำคราวนี้ ลูกทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอลา ก็เดินหน้าเพื่อจะเอาชนะให้ได้
ขณะที่ดอร์ทมุนด์ต้องยิงอีก 1 เม็ดเพื่อที่จะยื้อไปถึงช่วงต่อเวลา แต่นาทีที่ 75 ความฝันของ “เสือเหลือง” ต้องดับลงเมื่อฟิล โฟเดน ซัลโวให้ซิตี้ฉีกหนีไป 2-1
มาถึงตอนนี้ “เสือเหลือง” ต้องยิง 2 เม็ดถึงจะพลิกเข้ารอบ ซึ่งโอกาสแทบเป็นไปไม่ได้เลย จบเกม แมนฯ ซิตี้ เอาชนะ ดอร์ทมุนด์ ไปได้ 2-1 รวมผลสองนัดผ่านเข้ารอบด้วยสกอร์รวม 4-2 ผ่านเข้าไปเจอกับปารีส แซงต์ แชร์กแมง รองแชมป์เก่าในรอบรองชนะเลิศ
จากชัยชนะในเกมนี้คนที่หายใจโล่งสุดคงไม่พ้น เป๊ป กวาร์ดิโอลา ที่สามารถพังทลายกำแพงของตัวเองลงได้ เพราะตั้งแต่เข้ามาคุมทัพ “เรือใบสีฟ้า” ยังไม่เคยพาไปไกลกว่ารอบ 8 ทีมเลย
ปีแรกที่เข้ามาคุมทัพก็ร่วงรอบ 16 ทีม ส่วนอีก 3 ปีหลังสุดก็ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย
โดยเฉพาะปีที่แล้วที่เจอกับโอลิมปิก ลียง ที่ใครๆก็ว่าเข้ารอบแน่ๆ แต่สุดท้ายก็พลิกร่วงรอบก่อนรองชนะเลิศจนได้
ทำให้ปีนี้กุนซือชาวกระทิงดุต้องเน้นเป็นพิเศษก่อนจะตบเท้าเข้าสู่รอบตัดเชือกได้สำเร็จ
ถือว่าเป็นการเดินหน้ารักษาการไล่ล่า 4 แชมป์ในฤดูกาลนี้เอาไว้ได้
ก่อนหน้านี้ เป๊ปยังไม่เคยพูดถึงเรื่องการไล่ล่า 4 แชมป์เลย เพราะยังไม่ไว้วางใจในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ที่เป็นถ้วยอาถรรพณ์ของตัวเองกับสโมสรแห่งนี้มาตลอด
แต่ตอนนี้หลังจากผ่านเข้ารอบมาได้ กวาร์ดิโอลาก็มั่นใจว่าการคว้า 4 แชมป์มีโอกาสมากขึ้น
แม้ว่าเปแอสเชจะฟอร์มดีแค่ไหน บอกตรงๆ ชั่วโมงนี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อกรของแมนฯ ซิตี้ แต่ก็ น่าจะผ่านได้ในที่สุด
คิวต่อไปก็ต้องมาลุ้นกันต่อว่า “เรือใบสีฟ้า” จะรักษาโอกาสซิว 4 แชมป์ได้หรือไม่ เพราะมีกระดูกชิ้นโตขวางทางอยู่ในศึกเอฟเอ รอบรองชนะเลิศ ที่จะต้องดวลกับเชลซี ในวันเสาร์ที่ 17 เม.ย.นี้
แต่บอกได้เลยชั่วโมงนี้แข้ง “เรือใบสีฟ้า” ค่อนข้างลงตัวเลยทีเดียว
สิ่งหนึ่งที่เป๊ปใจแข็งมากๆ คือการยึดมั่นในการโรเตชันนักเตะ เปลี่ยนนักเตะเกือบทุกนัด เพราะไม่ต้องการให้ลูกทีมกรำศึกหนักมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนตัวผู้เล่นบ่อยๆ มักจะส่งผลต่อการเล่นของนักเตะเพราะไม่มีความสม่ำเสมอ
แต่สิ่งนี้ไม่เกิดขึ้นกับ “เรือใบสีฟ้า” แม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าใครจะลงสนาม เป๊ปก็สามารถที่จะปรับแผนการเล่นให้ทีมได้เปรียบคู่ต่อสู้เสมอ
อันนี้ต้องยกเครดิตให้กับเป๊ป กวาร์ดิโอลา เลยทีเดียว
มาถึงตอนนี้บอกได้เลยว่าโอกาสการคว้า 4 แชมป์ของแมนฯ ซิตี้ นั้นมันไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป!!