เด็กระเบิด "เบลลิงแฮม" ควง "โฟเดน" สร้างประวัติศาสตร์ดาวรุ่งทำประตูใน ชปล.
จูด เบลลิงแฮม กองกลางดอร์ทมุนด์ และ ฟิล โฟเดน ตัวรุกแมนฯ ซิตี้ ควงคู่สร้างประวัติศาสตร์ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก หลังทำประตูได้ในเกมเมื่อคืน
วันที่ 15 เม.ย. 64 ควันหลงฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีม นัดที่ 2 ซึ่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก อังกฤษ บุกไปย้ำแค้น โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อันดับ 5 บุนเดสลีกา เยอรมัน ด้วยการพลิกจากตามหลังกลับมาแซงชนะ 2-1 เท่ากับเลกแรก ทำให้ "เรือใบสีฟ้า" เข้ารอบรองชนะเลิศด้วยสกอร์รวม 2 นัด 4-2
เกมนี้ จูด เบลลิงแฮม มิดฟิลด์ดาวรุ่งวัย 17 ปีของ ดอร์ทมุนด์ ยิงสุดสวยให้เจ้าถิ่นนำก่อน 1-0 ในนาทีที่ 15 กลายเป็นนักเตะชาวอังกฤษอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูได้ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และเป็นเพียงคนที่ 3 ที่ทำประตูในรอบน็อกเอาต์ของรายการนี้ได้ต่อจาก โบยาน เกร์กิช (บาร์เซโลนา) และ จามาล มูเซียลา (บาเยิร์น มิวนิก)
เบลลิงแฮม ยังเป็นผู้เล่นสัญชาติอังกฤษคนที่ 2 ที่ทำประตูให้กับทีมนอกเกาะอังกฤษได้ต่อจาก สตีฟ แม็คมานามาน ซึ่งเคยยิงให้ เรอัล มาดริด ในรอบชิงชนะเลิศ ฤดูกาล 1999-2000 (ชนะ บาเลนเซีย 3-0) และรอบรองชนะเลิศ นัดแรก ฤดูกาล 2001-2002 (ชนะ บาร์เซโลนา 2-0)
ส่วน ฟิล โฟเดน กองกลางตัวรุกวัย 20 ปี ผู้ทำประตูชัยให้ แมนฯ ซิตี้ แซงกลับมาชนะ 2-1 ในนาทีที่ 75 ก็เป็นเพียงนักเตะอายุน้อยกว่า 21 ปีคนที่ 2 ที่สามารถทำประตูได้ทั้ง 2 นัดในการแข่งขันรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นต้นไป ต่อจาก คีเลียน เอ็มบัปเป ที่เคยทำได้สมัยอยู่กับ โมนาโก เมื่อฤดูกาล 2016-2017 ซึ่งตอนนั้นมีอายุแค่ 18 ปี ก่อนยิง ดอร์ทมุนด์ ได้เช่นกันทั้งไปและกลับ (ชนะ 3-2 และ 3-1)
สำหรับ แมนฯ ซิตี้ เข้ารอบรองชนะเลิศไปพบ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง รองแชมป์เก่าจากลีกเอิง ฝรั่งเศส โดย "เรือใบสีฟ้า" จะไปเยือนก่อนในวันที่ 27 หรือ 28 เมษายนนี้ ก่อนกลับมาเล่นในบ้านเลกที่ 2 วันที่ 4 หรือ 5 พฤษภาคม